Untitled Document

Final New Media

ข้อสอบ Final วิชา การสื่อสารผ่านสื่อใหม่

การปฏิบัติ
(1) ให้นักศึกษาทำการตอบคำถามทุกข้อ โดยการ Upload คำตอบไว้บน Website ส่วนตัวที่ได้จัดทำไว้แล้ว
(2) อาจารย์จะทำการตรวจโดยผ่านทาง Internet ในวันที่ 2 มี.ค. 2545 เวลา 22:00น.
(3) การให้คะแนน จะดูที่การค้นคว้าข้อมูล ดังนั้นการอธิบายต้องละเอียดที่สุด และท้ายคำตอบทุกข้อ ต้องบอกถึง แหล่งที่มาของข้อมูลด้วย (References)
(4) นักศึกษาสามารถใช้รูปประกอบการอธิบายได้ และควรบอกแหล่งที่มาของรูปด้วย
(5) ความสวยงามของ Web ในการตอบปัญหาข้อสอบ จะไม่ถูกนำมาเพื่อพิจารณาในการให้คะแนน
(6) นักศึกษาต้องส่งคำตอบเป็นรูปเล่มด้วย โดยนำส่งที่เลขาคณะ (อ. เด) ภายใน 5 มี.ค. 45
(ให้ระบุ Website ด้วย)

1. (5 คะแนน)
มัลติมีเดีย (Multimedia) มีคำนิยามที่หลากหลาย ให้นักศึกษาหาคำนิยาม เพื่อการอธิบายคำว่า มัลติมีเดียที่สมบูรณ์แบบเหมาะสมกับวิชานี้ที่สุด (วิชา New Media)(ดูภาพ)

ความหมายของมัลติมีเดียมัลติมีเดีย (Multimedia) หรือ สื่อหลายแบบ" เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้คอมพิวเตอร์ สามารถผสมผสานกันระหว่าง ข้อความ ข้อมูลตัวเลข ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และเสียง ไว้ด้วยกัน ตลอดจน การนำเอาระบบโต้ตอบกับผู้ใช้ (Interactive) มาผสมผสานเข้าด้วยกัน มีผู้ให้นิยามศัพท์ไว้หลายท่าน ดังนี้
Robert Aston, Joyce Schwarz
Computer control of the combination of text, graphics, audio, video and animation data
Tay Vaughan
Multimedia is any combination of text, graphic, art, sound, animation and video that is delivered by computer. When you allow the user the viewer of the project to control what and when these elements are delivered, it is interactive multimedia. When the user can navigate, interactive multimedia becomes hypermedia
Nicholas Negroponte
True multimedia is interactive digital information which can be viewed in many different ways by the user. Moreover in multimedia, there does not have to be a trade-off between depth and breadth; the user can explore a topic as broadly and as deeply as she or he desires.
ที่มา http://www.nectec.or.th/courseware/multimedia/0001.html
ดังนั้นคำว่า"มัลติมีเดีย" มีคำนิยามมากมายที่จะอธิบายความหมายของคำ ๆ นี้ และที่เหมาะสมกับวิชา New Media ที่สุด นั่นก็คือ การที่มีการใช้สื่อหลายแบบ มาผสมผสานกันระหว่าง ข้อความ ข้อมูลตัวเลข ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และเสียง ไว้ด้วยกัน ตลอดจน การนำเอาระบบโต้ตอบกับผู้ใช้ (Interactive) มาผสมผสานเข้าด้วยกัน ซึ่งกระบวนการต่าง ๆ นั้นจะใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือในการทำงาน อันส่งผลให้เกิดสื่อใหม่ ๆ ขึ้นมามากมาย เช่น สื่ออินเตอร์เน็ต สไลด์มัลติวิชั่น ฯลฯ

2. (15 คะแนน)
เทคโนโลยีของการสื่อสารผ่านสื่อใหม่นั้น ในแง่ทฤษฎีระบบการสื่อสาร แบ่งการส่งข้อมูลได้เป็น 2 แบบ คือ
(1) Circuit Switching
(2) Packet Switching

() จงอธิบายความหมายของการติดต่อสื่อสาร โดยใช้ระบบ Circuit Switching
ระบบ Circuit Switching เป็นระบบที่ใช้การสื่อสาร โดยการเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ให้เชื่อมต่อกันในวงจรระหว่างจุดต่อจุด ซึ่งจะมีปัญหาคือการติดต่อสื่อสารไม่เต็มประสิทธิภาพเท่าที่ควร
() จงอธิบายความหมายของการติดต่อสื่อสาร โดยใช้ระบบ Packet Switching (ดูภาพ)
ระบบ Packet Switching เป็นการแบ่งส่วนข้อมูลที่จะส่งออกเป็นส่วนย่อย ๆ และส่งกระจายไปตามเครือข่ายอินเตอร์เน็ต โดยกระจากแพ็คเก็ตคเหล่านี้ออกเป็นหลายเส้นทาง ซึ่งเมื่อถึงจุดหมายปลายทางแพ็คเก็ตต่าง ๆ เหล่านี้จะประกอบกันเป็นข้อมูลอีกครั้งหนึ่ง สาเหตุที่มีการแบ่งข้อมูลออกเป็นส่วนย่อย ๆ นั้นก็เพราะจะช่วยป้องกันความผิดพลาดที่เกิดขึ้นระหว่างส่งข้อมูลได้ เพราะถ้าหากข้อมูลเกิดการสูญหายก็จะเป็นเพียงข้อมูลส่วนเล็ก ๆ ย่อย ๆ และคอมพิวเตอร์ปลายทางสามารถตรวจสอบข้อมูลได้ว่าสนใดสูญหายไป และสามารถติดต่อให้คอมพิวเตอร์ต้นทางส่งเฉพาะข้อมูลชิ้นที่หายไปมาใหม่ได้
() ระหว่าง Circuit Switching กับ Packet Switching มีข้อดีข้อด้อยต่างกันอย่างไร จงอธิบาย
ระหว่าง Circuit Switching กับ Packet Switching สามารถสรุปได้ว่าการส่งข้อมูลแบบแพ็คเก็ตนั้นเป็นการส่งข้อมูลที่เกิดการผิดพลาดได้น้อยที่สุด เพราะเป็นการแบ่งข้อมูลต่าง ๆออกเป็นส่วนย่อย ๆ ต่างจากระบบ เซอร์กิต ที่ต่อการระหว่างจุดต่อจุด ข้อมูลที่จัดส่งมีขนาดใหญ่ ทำให้เมื่อเกิดความผิดพลาดข้อมูลที่ส่งจะสูญหายไประหว่างการสื่อสารได้
() การสื่อสารระบบแบบ Internet เป็นการสื่อสารแบบ Circuit Switching หรือ Packet Switching
การสื่อสารระบบแบบอินเตอร์เน็ต นั้นเป็นการสื่อสารแบบ Packet Switching เพราะ TCP/IP เป็นตัวแบ่งข้อมูลของการติดต่อออกเป็นส่วน ๆ และจะไปจัดรวมที่ปลายทาง
() การวิวัฒนาการของระบบสื่อสาร เพื่อการสื่อสารแบบมัลติมีเดีย มีการพัฒนาไปสู่ IP Network อยากทราบว่า IP Network เป็นการสื่อสารแบบ Circuit Switching หรือ Packet Switching มีเหตุผลอย่างไร
เป็นการพัฒนาแบบ Packet Switching จากข้างต้นจะพบว่าข้อมูลต่าง ๆ ที่ผ่านการติดต่อแบบแพ็คเก็ตนั้นจะมีการแบ่งส่วนของข้อมูลออกเป็นส่วน ๆ เมื่อถึงปลายทางแล้วรวมตัวกันอีกครั้งหนึ่งเพื่อแสดงผลที่เกิดขึ้น โดย TCP/IP หรือโพโตคอลเป็นผู้กระทำการรวมและการแบ่งข้อมูล จึงพอที่จะสรุปได้ว่า IP Network เป็นการสื่อสารแบบแพ็คเก็ต

ที่มา Network &Internet Sharing ติดตั้งระบบเครือข่ายและแชร์อินเตอร์เน็ต ด้วยตัวเอง : พันจันทร์ ธนวัฒนเสถียร
3. (10 คะแนน)
(ก) จงอธิบาย ข้อดี ข้อด้อย ของเส้นนำสัญญาณ (Media) สายทองแดง และสายไฟเบอร์ออพติก
ก่อนที่จะมีการกล่าวถึงข้อดีของสายนำสัญญาณแบบ สายทองแดง ต้องขอกล่าวถึงคุณลักษณะทั่วไปของสายทองแดง เสียก่อน
สายทองแดงนั้นเป็นสายที่มีคุณสมบัติในเชิงการให้แสงวิ่งผ่านได้ การบั่นทอนแสงมีค่าค่อนข้างสูงมีข้อกำหนดระยะทาง 100 เมตร ในการนำสัญญาณหากพิจารณาในแง่ความถี่ที่ใช้ ผลตอบสนองทางความถึ่ มีผลต่อกำลังสูญเสีย โดยเฉพาะในลวดตัวนำทองแดง เมื่อใช้เป็นสายสัญญาณ คุณสมบัติของสายตัวนำทองแดงจะเปลี่ยนแปลงเมื่อใช้ความถี่ต่างกัน โดยเฉพาะเมื่อใช้ความถึ่ของสัญญาณที่ส่งในตัวนำทองแดงสูงขึ้น อัตราการสูญเสียก็จะมาก ปัญหาที่สำคัญของสายสัญญาแบบทองแดงคือการเหนี่ยวนำโดยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ปัญหานี้มีมาก ตั้งแต่เรื่องการรบกวนระหว่างตัวนำหรือเรียกว่าครอสทอร์ค การำม่แมตซ์พอดีทางอิมพีแดนซ์ ทำให้มีคลื่นสะท้อนกลับ การรบกวนจากปัจจัยภายนอกที่เรียกว่า EMI ปัญหาเหล่านี้สร้างให้ผู้ใช้ต้องหมั่นดูแลเส้นลวดตัวนำทองแดงมีขนาดใหญ่
สายไฟเบอร์ออฟติก(สายใยแก้วนำแสง) (ดูภาพ)
จุดเด่นของเส้นใยแก้วนำแสง
จุดเด่นของเส้นใยแก้วนำแสงมีหลายประการ โดยเฉพาะจุดที่ได้เปรียบสายตัวนำทองแดง ที่จะนำมาใช้แทนตัวนำทองแดง จุดเด่นเหล่านี้มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องและดีขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งประกอบด้วย
ความสามารถในการรับส่งข้อมูลข่าวสาร
เส้นใยแก้วนำแสงที่เป็นแท่งแก้วขนเหล็ก มีการโค้งงอได้ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางที่ใช้กันมากคือ 62.5/125 ไมโครเมตร เส้นใยแก้วนำแสงขนาดนี้เป็นสายที่นำมาใช้ภายในอาคารทั่วไป เมื่อใช้กับคลื่นแสงความยาวคลื่น 850 นาโนเมตร จะส่งสัญญาณได้มากกว่า 160 เมกะเฮิรตซ์ ที่ความยาว 1 กิโลเมตร แล้วถ้าใช้ความยาวคลื่น 1300 นาโนเมตร จะส่งสัญญาณได้กว่า 500 นาโนเมตร ที่ความยาว 1 กิโลเมตร และถ้าลดความยาวเหลือ 100 เมตร จะใช้กับความถี่สัญญาณมากกว่า 1 กิกะเฮิรตซ์ ดังนั้นจึงดีกว่าสายยูทีพีแบบแคต 5 ที่ใช้กับสัญญาณได้ 100 เมกะเฮิรตซ์ จุดเด่นของเส้นใยแก้วนำแสง
จุดเด่นของเส้นใยแก้วนำแสงมีหลายประการ โดยเฉพาะจุดที่ได้เปรียบสายตัวนำทองแดง ที่จะนำมาใช้แทนตัวนำทองแดง จุดเด่นเหล่านี้มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องและดีขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งประกอบด้วย
ความสามารถในการรับส่งข้อมูลข่าวสาร

เส้นใยแก้วนำแสงที่เป็นแท่งแก้วขนเหล็ก มีการโค้งงอได้ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางที่ใช้กันมากคือ 62.5/125 ไมโครเมตร เส้นใยแก้วนำแสงขนาดนี้เป็นสายที่นำมาใช้ภายในอาคารทั่วไป เมื่อใช้กับคลื่นแสงความยาวคลื่น 850 นาโนเมตร จะส่งสัญญาณได้มากกว่า 160 เมกะเฮิรตซ์ ที่ความยาว 1 กิโลเมตร แล้วถ้าใช้ความยาวคลื่น 1300 นาโนเมตร จะส่งสัญญาณได้กว่า 500 นาโนเมตร ที่ความยาว 1 กิโลเมตร และถ้าลดความยาวเหลือ 100 เมตร จะใช้กับความถี่สัญญาณมากกว่า 1 กิกะเฮิรตซ์ ดังนั้นจึงดีกว่าสายยูทีพีแบบแคต 5 ที่ใช้กับสัญญาณได้ 100 เมกะเฮิรตซ์
กำลังสูญเสียต่ำ

เส้นใยแก้วนำแสงมีคุณสมบัติในเชิงการให้แสงวิ่งผ่านได้ การบั่นทอนแสงมีค่าค่อนค่างต่ำ ตามมาตรฐานของเส้นใยแก้วนำแสง การใช้เส้นสัญญาณนำแสงนี้ใช้ได้ยาวถึง 2000 เมตร หากระยะทางเกินกว่า 2000 เมตร ต้องใช้รีพีตเตอร์ทุก ๆ 2000 เมตร การสูญเสียในเรื่องสัญญาณจึงต่ำกว่าสายตัวนำทองแดงมาก ที่สายตัวนำทองแดงมีข้อกำหนดระยะทางเพียง 100 เมตร
หากพิจารณาในแง่ความถี่ที่ใช้ ผลตอบสนองทางความถึ่มีผลต่อกำลังสูญเสีย โดยเฉพาะในลวดตัวนำทองแดง เมื่อใช้เป็นสายสัญญาณ คุณสมบัติของสายตัวนำทองแดงจะเปลี่ยนแปลงเมื่อใช้ความถี่ต่างกัน โดยเฉพาะเมื่อใช้ความถึ่ของสัญญาณที่ส่งในตัวนำทองแดงสูงขึ้น อัตราการสูญเสียก็จะมากตามแต่กรณีของเส้นใยแก้วนำแสงเราใช้สัญญาณความถี่มอดูเลตไปกับแสง การเปลี่ยนสัญญาณรับส่งข้อมูลจึงไม่มีผลกับกำลังสูญเสียทางแสง
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไม่สามารถรบกวนได้
ปัญหาที่สำคัญของสายสัญญาแบบทองแดงคือการเหนี่ยวนำโดยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ปัญหานี้มีมาก ตั้งแต่เรื่องการรบกวนระหว่างตัวนำหรือเรียกว่าครอสทอร์ค การำม่แมตซ์พอดีทางอิมพีแดนซ์ ทำให้มีคลื่นสะท้อนกลับ การรบกวนจากปัจจัยภายนอกที่เรียกว่า EMI ปัญหเหล่านี้สร้างให้ผู้ใช้ต้องหมั่นดูแล
แต่สำหรับเส้นใยแก้วนำแสงแล้วปัญหาเรื่องเหล่านี้จะไม่มี เพราะแสงเป็นพลังงานที่มีพลังงานเฉพาะและไม่ถูกรบกวนของแสงจากภายนอก
น้ำหนักเบา เส้นใยแก้วนำแสงมีน้ำหนักเบากว่าเส้นลวดตัวนำทองแดง น้ำหนักของเส้นใยแก้วนำแสงขนาด 2 แกนที่ใช้ทั่วไปมีน้ำหนักเพียงประมาณ 20 ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ของสายยูทีพีแบบแคต 5
ขนาดเล็ก
เส้นใยแก้วนำแสงมีขนาดทางภาคตัดขวางแล้วเล็กกว่าลวดทองแดงมาก ขนาดของเส้นใยแก้วนำแสงเมื่อรวมวัสดุหุ้มแล้วมีขนาดเล็กกว่าสายยูทีพี โดยขนาดของสายใยแก้วนี้ใช้พื้นที่ประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ของเส้นลวดยูทีพีแบบแคต 5
มีความปลอดภัยในเรื่องข้อมูลสูงกว่า
การใช้เส้นใยแก้วนำแสงมีลักษณะใช้แสงเดินทางในข่าย จึงยากที่จะทำการแท๊ปหรือทำการตัดฟังข้อมูล
มีความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน

การที่เส้นใยแก้วเป็นฉนวนทั้งหมด จึงไม่นำกระแสไฟฟ้า การลัดวงจร การเกิดอันตรายจากกระแสไฟฟ้าจึงไม่เกิดขึ้น
(ข) การสื่อสารแบบมัลติมีเดีย (Multimedia) ควรจะใช้สายนำสัญญาณแบบใด (ระหว่างสายทองแดงและสายไฟเบอร์ออฟติก) จงให้เหตุผลประกอบ
ควรใช้สายไฟเบอร์ออฟติก เพราะในการสื่อสารแบบมัลติมีเดียนั้น จะมีข้อมูลหลากหลายขนาดมากมายในการติดต่อ เนื่องจากเส้นใยแก้วนำแสงขนาดทั่วไป เมื่อใช้กับคลื่นแสงความยาวคลื่น 850 นาโนเมตร จะส่งสัญญาณได้มากกว่า 160 เมกะเฮิรตซ์ ที่ความยาว 1 กิโลเมตร แล้วถ้าใช้ความยาวคลื่น 1300 นาโนเมตร จะส่งสัญญาณได้กว่า 500 นาโนเมตร ที่ความยาว 1 กิโลเมตร และถ้าลดความยาวเหลือ 100 เมตร จะใช้กับความถี่สัญญาณมากกว่า 1 กิกะเฮิรตซ์ ดังนั้นจึงดีกว่าสายยูทีพีแบบแคต 5 ที่ใช้กับสัญญาณได้ 100 เมกะเฮิรตซ์ช่วยให้การสือสารสัญญาณเป็นไปได้ดีกว่าสายทองแดง

ที่มา www.wutt.com
4. (5 คะแนน)
จงอธิบายความหมายของเครือข่ายการสื่อสารแบบ LAN (Local Area Network) (ดูภาพ)
LAN
ลักษณะการเชื่อมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์ถึงกันทั้งหมด จึงมีการแบ่งแยกเครือข่ายเป็นการเชื่อมโยงเครือข่ายภายในพื้นที่ใกล้ ๆ กัน เรียกว่า LAN (Local Area Network) เครือข่าย LAN เป็นเครือข่ายที่เชื่อมโยงกันในพื้นที่ใกล้เคียงกัน เช่นอยู่ในอาคารเดียวกัน สามารถดูแลได้เอง การเชื่อมโยงเครือข่าย LAN ที่นิยมใช้กันมี 2 รูปแบบดังนี้
เครือข่าย LAN แบบอีเทอร์เน็ต มีการรับส่งข้อมูลด้วยความเร็ว 10-100 Mbps. มีพื้นฐานรูปแบบการเชื่อมโยงร่วมกันแบบบัส คือ ทุกอุปกรณ์จะเชื่อมต่อกันบนสายสัญญาณเส้นเดียว ดังนั้นการรับส่งต้องมีการจัดการไม่ให้รับส่งพร้อมกันเกินกว่าหนึ่งคู่ ขบวนการรับส่งข้อมูลจึงถูกกำหนดขึ้น โดยให้อุปกรณ์ที่จะส่งข้อมูลตรวจสอบว่ามีข้อมูลใดวิ่งอยู่บนสายหรือไม่ หากไม่มีจึงส่งได้ และถ้ามีการชนกันของข้อมูลบนสายก็จะส่งใหม่ การหลีกเลี่ยงการชนกันจึงกระทำได้ในเครือข่ายระยะใกล้
เครือข่าย LAN แบบโทเก็นริง มีความเร็ว 16 Mbps. เชื่อมต่อกันเป็นวงแหวนโดยแพ็กเก็ตข้อมูลจะวิ่งวนในทิศทางใดทางหนึ่ง ถ้ามีแอดเดรสปลายทางเป็นของใคร อุปกรณ์นั้นจะรับข้อมูลไป การจัดการรับส่งข้อมูลในวงแหวนจึงเป็นไปอย่างมีระเบียบ เครือข่าย LAN ที่อยู่ในมาตรฐานเดียวกันสามารถเชื่อมโยงเข้าหากัน แต่ทุกตัวจะมีแอดเดรสประจำ และแอดเดรสเหล่านี้จะซ้ำกันไม่ได้ โดยปกติผู้ผลิตอุปกรณ์เชื่อมโยงเครือข่ายได้กำหนดแอดเดรสเหล่านี้มาให้แล้ว
เพื่อจะให้เชื่อมโยงเครือข่ายต่างมาตรฐานกันได้นั้น มีวิธีการพัฒนาให้ระบบสามารถนำแพ็กเก็ต เฉพาะของเครือข่ายมาใส่ในแพ็กเก็ตกลางที่เชื่อมโยงระหว่างกันได้ เช่น TCP/IP ตัวอย่าง เช่น ถ้าต้องการเชื่อมเครือข่าย LAN หลาย ๆ เครือข่ายเข้าด้วยกันให้เป็นเครือข่ายเดียวกัน เครือข่ายอีเทอร์เน็ตมีแพ็กเก็ตเฉพาะเมื่อจะส่งออก ก็นำแพ็กเก็ตเฉพาะมาเปลี่ยนถ่ายลงในแพ็กเก็ต TCP/IP แล้วส่งต่อ.. แพ็กเก็ต TCP/IP จึงเป็นแพ็กเก็ตกลางที่พร้อมรับแพ็กเก็ตย่อยอื่นได้ ดังนั้นการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่าย เช่น อีเทอร์เน็ตในปัจจุบันจึงเกิดขึ้นได้

5. (5 คะแนน)
จงอธิบายความหมายของเครือข่ายการสื่อสารแบบ WAN (Wide Area Network)
WAN
เครือข่าย WAN เป็นเครือข่ายเชื่อมโยงกันในระยะทางที่ห่างไกล อาจจะเป็นหลาย ๆ กิโลเมตร
ดังนั้นความเร็วในการเชื่อมโยงระหว่างกันอาจไม่สูงมากนัก เพราะระยะทางไกลทำให้มีสัญญาณรบกวนได้สูง ความเร็วจึงอยู่ในระดับช่วง 9.6-64 Kbps และ 1.5-2 Mbps ขึ้นอยู่กับแอพพลิเคชั่นและขนาดของข้อมูล
ทั้งเครือข่ายแบบ LAN และ WAN ล้วนแล้วแต่ใช้หลักการของแพ็กเก็ตสวิตชิ่ง กล่าวคือ มีการกำหนดวิธีการรับส่งข้อมูลเป็นแพ็กเก็ต โดยให้แต่ละอุปกรณ์มีแอดเดรสประจำ วิธีการรับส่งมีได้หลากหลาย เราเรียกวิธีการว่า "โปรโตคอล (Protocol)" ดังนั้นจึงมีมาตรฐานการเชื่อมโยงระยะไกลมีการกำหนดแอดเดรส เช่นในเครือข่าย X.25 ข้อมูลจากที่หนึ่งส่งเป็นแพ็กเก็ตส่งต่อไปยังปลายทางได้ ข้อมูลเป็นแพ็กเก็ตจากจุดเริ่มต้น มีแอดเดรสกำกับตำแหน่งปลายทางและตำแหน่งต้นทางแอดเดรสเหล่านี้เป็นรหัสที่รับรู้ได้ อุปกรณ์สวิตช์จะเลือกทางส่งไปให้ หากมีปัญหาใดทำให้ปลายทางรับได้ไม่ถูกต้อง เช่นมีสัญญาณรบกวน ระบบจะมีการเรียกร้องให้ส่งให้ใหม่เพื่อว่าการรับส่งข้อมูลจะต้องถูกต้องเสมอ ระบบการโต้ตอบเหล่านี้จึงเป็นมาตรฐานที่กำหนดของเครือข่ายนั้น ๆ
PUBLIC WAN
ดังนั้น เครือข่าย WAN จึงเป็นเครือข่ายเชื่อมโยงระหว่างองค์กร ระหว่างเมือง หรือระหว่างประเทศ
และเพื่อให้การใช้งานมีประสิทธิภาพจึงมีองค์กรกลางหรือผู้ให้บริการเครือข่ายสาธารณะเข้ามาช่วยจัดการเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย เช่น เครือข่ายสาธารณะที่ใช้ร่วมกันของทศท. และกสท. หรือ เครือข่ายบริการ เช่น ดาต้าเนต เป็นต้น
เครือข่ายในปัจจุบันมีการเชื่อมเครือข่าย LAN หลาย ๆ เครือข่ายย่อยเข้าด้วยกัน จะเป็นอีเทอร์เน็ต หรือโทเก็นริงก็ได้ แล้วยังเชื่อมต่อออกจากองค์กรผ่านเครือข่าย WAN ทำให้เครือข่ายทั้งหมดเชื่อมโยงถึงกัน จึงมีการพัฒนาเทคโนโลยีเครือข่ายให้มีความเร็วสูงในการรับส่งข้อมูล ซึ่งเครือข่าย WAN ที่ใช้ตัวกลางเป็นเส้นใยแก้วนำแสง (Fiber Optic) สามารถส่งรับข้อมูลได้เร็วไม่น้อยกว่าเครือข่าย LAN การพัฒนาเทคโนโลยีบนถนนเครือข่าย LAN และ WAN จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น และเป็นโครงสร้างพื้นฐานของการพัฒนาประเทศ ซึ่งจะไปได้ไกลเพียงใด ขึ้นอยู่กับโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ของประเทศ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ก็เป็นโครงสร้างพื้นฐานหนึ่งที่ต้องพัฒนาไปด้วย คำว่า Information Super Highway ก็คือถนนเครือข่าย WAN ที่เชื่อม LAN ทุกเครือข่ายเข้าด้วยกันนั่นเอง
ที่มา http://www.wutt.com
6. (5 คะแนน)
จงอธิบายความหมายของคำว่า Internet, Intranet และ Extranet
INTERNET The Internet originated in 1969, in the midst of the Cold War, as a "nuke-proof" communications network. As you might guess, it received most of its early financing from the U.S. defense department. Now, however, it consists of countless networks and computers across the world that allow millions of people to share information. The lines that carry the majority of the information are know as the Internet backbone. While the government used to run things, now major Internet service providers (ISPs) such as MCI, GTE, Sprint, UUNET, and ANS own portions of the backbone--a good thing as they have the motivation and the revenue to maintain the quality of these large networks.
อินเตอร์เน็ต คือระบบเครือข่ายของเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วโลก ซึ่งจะมีวิธีการและข้อกำหนดในการเชื่อมโยงติดต่อกัน ทำให้สามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะมีดครงสร้างที่อยู่ในลักษณะที่เรียกว่า"ไคลเอนต์-เวิร์ฟเวอร์" โดยชื่อที่อยูในคอมพิวเตอร์เราเรียกกันว่า IP ADDRESS
INTRANETA play on the word Internet, an intranet is a restricted-access network that works like the Web, but isn't on it. Usually owned and managed by a corporation, an intranet enables a company to share its resources with its employees without confidential information being made available to everyone with Internet access หมายถึงการสื่อสารภายในองค์กร จะมีการใช้เทคโนโลยีเดียวกับอินเตอร์เน็ต เช่น บราวเซอร์ ช่วยในการลดค่าใช้จ่ายได้อย่างมากมาย ต่างจากอินเตอร์เน็ตที่มีการเชื่อมโยงออกไปทั่วโลก
Extranet เป็นระบบเครือข่ายที่เกิดจากการประยุกต์ใช้อินทราเน็ต โดยจะขยายขอบเขตการใช้เครือข่ายจากภายในองค์กรไปยังภายนอกองค์กร เช่นการติดต่อเชื่อมโยงกับบริษัทคู่ค้าทางธุรกิจ
ที่มา: Network & Internet Sharing ติดตั้งระบบเครือข่ายและแชร์อินเตอร์เน็ตด้วยตนเอง พันจันทร์ ธรวัฒนเสถียร
http://www.comsaving.com/glossary


7. (5 คะแนน)
จงอธิบายการทำงานของระบบ Client and Server และอธิบายว่าประโยชน์ที่ใช้ระบบนี้คืออะไร (ดูภาพ)
หน้าที่หลักของเซิร์ฟเวอร์คือ การให้บริการเช่น ไฟล์เซิร์ฟเวอร์ ทำหน้าที่ให้บริการการใช้ไฟล์ ใช้ข้อมูล หากจัดการข้อมูลเป็นฐานข้อมูลและให้บริการการเรียกใช้ผ่านคำสั่งจัดการฐานข้อมูลมาตรฐาน เช่น SQL ก็เรียกว่า ดาต้าเบสเซิร์ฟเวอร์ ให้บริการด้านการสื่อสารที่จะต่อเชื่อมกับอุปกร์อื่นก็เรียกว่า คอมมูนิเคชั่นเซิร์ฟเวอร์ ให้บริการด้านการพิมพ์เอกสาร เป็นที่พักของข้อมูลก่อนการบริการการพิมพ์ก็เรียกว่า พรินเตอร์เซิร์ฟเวอร์
คอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่ขอใช้บริการเรียกว่า ไคลแอนต์ เช่น พีซีที่ต่ออยู่บนเครือข่าย ขอเรียกใช้ฐานข้อมูล เรียกพีซีนี้ว่า ดาต้าเบสไคลแอนต์ ในขณะที่พีซีมีการเชื่อมต่อกับผู้ใช้เพื่อให้แสดงผลแบบวินโดว์เป็นกราฟิคได้ พีซีทำหน้าที่แสดงผลและให้บริการการแสดงผล เราเรียกพีซีนี้ว่าเป็น เทอร์มินัลเซิร์ฟเวอร์
ดังนั้นอุปกรณ์หนึ่งอาจเป็นได้ทั้งไคลแอนต์และเซิร์ฟเวอร์ตามฟังก์ชันการทำงานและจะทำงานร่วมกันโดยส่งผ่านข้อมูลและการเชื่อมโยงทางเครือข่ายคอมพิวเตอร์ รูปแบบของไคลแอนต์-เซิร์ฟเวอร์ จึงเป็นรูปแบบที่ใช้ขีดความสามารถของคอมพิวเตอร์จำนวนมากตั้งแต่พีซีจนถึงเมนเฟรมทำงานร่วมกันเป็นระบบ รูปแบบการทำงานแบบไคลแอนต์-เซิร์ฟเวอร์ จึงเป็นรูปแบบของการจัดระบบให้เหมาะสมกับองค์กรทั้งทางด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟแวร์ และการทำงานร่วมกัน ระบบนี้จึงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน

ที่มา www.wutt.com
8. (10 คะแนน)
ความต้องการของมนุษย์ในปัจจุบันมีความต้องการการสื่อสารในลักษณะมัลติมีเดียมากขึ้น จากการที่สังคมเร่งรัด ธุรกิจต้องมีการเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา จึงมีผลผลักดันให้เกิดการส่งมัลติมีเดียผ่านระบบสื่อสารแบบเคลื่อนที่ไร้สาย (Mobile Wireless Communication)
() อยากทราบว่าการสื่อสารแบบเคลื่อนที่ไร้สาย (Mobile Wireless Communication) แบ่งเป็นกี่ยุค มียุคอะไรบ้าง และแต่ละยุคมีการสนับสนุนการสื่อสารแบบใดบ้าง (เช่น เสียง, ข้อมูล, ภาพ) จงอธิบายโดยละเอียดที่สุด
ยุคของการสื่อสารแบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 ยุค คือ 1G 2G 2.5G และ 3 G
ยุคที่ 1 (1G) เป็นยุคเริ่มต้นของ ระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ในยุคที่ 1 หรือ 1G การพัฒนามุ่งเน้นที่การสื่อสารเสียงพูด (Voice) เป็นหลัก แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ ระบบเซลลูล่าร์ (Cellular) และระบบไร้สาย (Cordless) ระบบโทรศัพท์ในยุคนี้มีคุณลักษณะและความมุ่งหมายที่สำคัญ ประกอบด้วย เทคโนโลยีเป็นแบบอะนาล็อก เซลลูล่าร์ เน้นในลักษณะการสื่อสารด้วยเสียง
ยุคที่ 2 (2G) ในยุคนี้ การพัฒนายังคงมุ่งเน้นที่การสื่อสารเสียงพูด และในขณะเดียวกันมีการพัฒนาระบบให้สามารถรองรับการสื่อสารข้อมูลความเร็วต่ำ (-64 Kbps) ได้ด้วย โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ เช่นเดียวกันคือ ระบบเซลลูล่าร์ ( Cellular) และระบบไร้สาย (Cordless) ระบบโทรศัพท์ในยุคนี้มีคุณลักษณะและความมุ่งหมายที่สำคัญ ประกอบด้วย เทคโนโลยี เป็นแบบดิจิตอล เซลลูล่าร์ เครื่องลูกข่าย ตัวเครื่องลูกข่ายมีหลายโหมดหลายแบนด์ เช่น Dual-mode Dual band ลักษณะการสื่อสารในยุคนี้จะพัฒนาเป็นการสื่อสารด้วยเสียงพูด ข้อความสั้น ๆ (Short Message) และการสื่อสารข้อมูล-ความเร็วต่ำ
ยุคที่ 2.5 (2.5G) เป็นยุคที่ถัดมาจากยุค 2G มีการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีไม่มากนักเพราะการเปลี่ยนแปลหรือความต้องการของเทคโนโลยีนั้นยังมีไม่มากนักแต่มีการพัฒนาระบบ 2G ให้สูงขึ้นจึงกลายเป็น 2.5G โดยเน้นที่ประสิทธิภาพของการสื่อสาร โดยในยุค 2.5G มีความสามารถรองรับการสื่อสารที่เป็นเสียงพูดการสื่อสารข้อมูลด้วยความเร็วที่สูงขึ้น(สูงถึงประมาณ 144 Kbps) เช่นการพัฒนาจาก GSM สู่ GPRS มีการเปลี่ยนแปลงไม่มากนักแต่เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม
ยุคที่ 3 (3G) ระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ในยุคที่ 3 หรือ 3G นี้เป็นยุคที่จะมีการพัฒนาเป็นอย่างมาก เน้นการสื่อสารโดยภาพ-เสียง-ข้อมูล (Multimedia) ไปพร้อม ๆ กัน รวมถึงการแสดงถึง Position ตำแหน่งที่อยู่ของผู้ใช้ (Expansion Stage) การพัฒนามุ่งเน้นที่การรองรับเสียงพูด การสื่อสารข้อมูลความเร็วสูง (-384 Kbps จนถึง-2Mbps) -การใช้งาน -การสื่อสารข้อมูลและเสียงที่มีคุณภาพสูงร่วมกัน
ประเทศไทยอยู่ในยุคการสื่อสารแบบเคลื่อนที่ไร้สาย ยุคใด ด้วยเหตุผลใด พร้อมยกตัวอย่างชื่อเทคโนโลยีที่ใช้สนับสนุนการสื่อสารมัลติมีเดียในปัจจุบันของประเทศไทย (เฉพาะการสื่อสารเคลื่อนที่ไร้สาย)

ประเทศไทยอยู่ในยุคการสื่อสารแบบเคลื่อนที่ไร้สาย ยุค 2.5G เนื่องจากเทคโนโลยีการสื่อสารในยุคปัจจุบันนั้น ประเทศไทยยังมิได้มีการพัฒนาระบบเทคโนโลยีไปสู่ระดับสูงมากนัก ที่เห็นตัวอย่างได้ชัดเจนก็คือระบบ GPRS ซึ่งในประเทศไทยถือว่าเป็นของใหม่ แต่ถ้าหากมองไปทางประเทศทางทวีปยุโรป อเมริกา จะพบว่า เทคโนโลยี GPRS นี้มีมานานแล้วในประเทศเหล่านั้น สาเหตุที่ประเทศไทยมิได้มีการพัฒนาไปมากนักสืบเนื่องมาจาการพัฒนานั้นต้องมีการลงทุนสูง และอัตราเสี่ยงสูงมากเพราะเนื่องจากกลุ่มผู้ที่ใช้งานนั้นยังมีจำนวนน้อยที่สนใจในเทคโนโลยีใหม่ ๆ ยังไม่กระจายเท่าที่ควรรวมถึงยังไม่เป็นที่ต้องการของตลาดมากนัก ตัวอย่างสื่อไร้สาย ก็เช่น GPRS,BLUETOOTH ของเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศไทย

ที่มา นิตยสารคอมพิวเตอร์ ทูเดย์, เอกสารประกอบการบรรยาย ดร.เศรษฐพงษ์ มะลิสุวรรณ

9. (10 คะแนน)
(ก) MPEG คืออะไร จงอธิบายโดยละเอียดที่สุด และย่อมาจากคำเต็มว่าอะไร
MPEG ย่อมาจาก Motion Picture Experts Group ซึ่ง MPEG เป็นกลุ่มของคณะกรรมการที่ทำงานภายใต้องค์การมาตรฐาน ISO ( International Standards Organization ) เพื่อสร้างมาตรฐานสำหรับการบีบอัดข้อมูลวิดีโอและออดิโอแบบดิจิตอล ( digital data compression ) ซึ่งเป็นการกำหนดมาตรฐานขั้นพื้นฐานสำหรับการกำหนดรูปแบบของสายข้อมูลระดับบิตของวิดีโอและออดิโอ และรวมไปถึงวิธีการขยายกลับข้อมูลที่ถูกบีบอัด ส่วนวิธีการบีบอัดข้อมูลวิดีโอและออดิโอแบบดิจิตอลนั้น MPEG ก็มีการกำหนดมาตรฐานเอาไว้เช่นกัน แต่ในทางปฏิบัติบริษัทที่ทำกิจการด้านนี้หรือโปรแกรมเมอร์ที่สนใจ สามารถที่จะสร้างอัลกอริทึม การบีบอัดข้อมูลดิจิตอลที่แตกต่างไปจากมาตรฐาน MPEG ได้เช่นกัน สำหรับในปัจจุบัน MPEG ได้มีการพัฒนามาเป็นมาตรฐาน MPEG Layer3 ซึ่งเป็นอัลกอริทึม การบีบอัดข้อมูลดิจิตอลที่ประสิทธิภาพมาก โดยที่การบีบอัดข้อมูลดิจิตอลที่ระดับความถี่ 44.1 Khz จะสามารถบีบอัดข้อมูลเสียงให้มีขนาดเล็กลงกว่าข้อมูลเสียงต้นแบบมากถึง 12 เท่า โดยที่ไม่มีการสูญเสียคุณภาพของเสียงแต่ประการใด

ที่มา www.wutt.com
(ข) GIF และ JPEG คืออะไร จงอธิบายโดยละเอียดที่สุด และย่อมาจากคำเต็มว่าอะไร
GIF : Graphics Interchange Format Most color images and backgrounds on the Web are GIF files. This compact file format is ideal for graphics that use only a few colors, and it was once the most popular format for online color photos. However, GIF has lost ground to the JPEG format when it comes to photos. GIF images are limited to 256 colors, but JPEGs can contain up to 16 million colors--and they can look almost as good as a photograph.
CompuServe developed GIF in 1987, calling it GIF87, and two years later added new features such as interlacing, transparency, and animation to create the format known as GIF89a. People don't usually distinguish between the two GIF versions, so if someone refers to an image as a "GIF89" rather than simply a "GIF," it's probably animated. หรือหมายถึงการบีบอัดไฟล์ข้อมูลรูปภาพกราฟิกต่าง ๆ ให้มีขนาดไฟล์เล็กลงเนื่องจากไฟล์รูปภาพโดยทั่วไป จะมีขนาดใหญ่ ทำให้การส่งข้อมูลล่าช้า ดังนั้นไฟล์ GIF จะเป็นไฟล์ที่มีขนาดเล็กและเหมาะสำหรับการโอนถ่ายข้อมูลจากที่หนึ่งไปสู่อีกที่หนึ่ง
JPEG : Joint Photographic Experts Group
This file format for color-rich images was developed by the Joint Photographic Experts Group committee. JPEG compresses graphics of photographic color depth better than competing file formats like GIF, and it retains a high degree of color fidelity. This makes JPEG files smaller and therefore quicker to download. You can choose how much to compress a JPEG file, but since it is a lossy format, the smaller you compress the file, the more color information will be lost. JPEG files can be viewed by a variety of downloadable software on both the PC and Mac. JPEG จะทำหน้าที่บีบอัดข้อมูลด้วยวิธีการใช้ค่าที่เกิดจากตารางภาพซึ่งเป็นค่าพื้นฐานที่เหมาะสม และการออกแบบการบีบอัดข้อมูลภาพนี้ผลที่เกิดขึ้นอันได้แก่คุณภาพของรูปภาพ อัตราส่วนการบีบอัดหรือเวลาที่ใช้ในการบีบอัดข้อมูลเป็นเรื่องยากที่จะสามารถคาดการณ์ได้

http://www.comsaving.com/glossary
10. (5 คะแนน)
TCP/IP คืออะไร จงอธิบายโดยละเอียดที่สุด และย่อมาจากคำเต็มว่าอะไร
TCP/IP ย่อมาจากคำว่า TCP/IP : Transmission Control Protocol/Internet Protocol ก่อนที่จะกล่าวถึง ต้องอธิบายคำว่า โปรโตคอล"protocol" เป็นข้อตกลงในการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในระบบเครือข่าย มีมากมายหลายชนิด อุปกรณ์คอมพิวเตอร์จะสามารถติดต่อกันได้ก็ต่อเมื่อมีโปรโตคอลเดียวกันเท่านั้น สำหรับเครือข่ายอินเตอร์เน็ตนั้น โปรโตคอลก็คือ TCP/IP
TCP/IP จะทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการส่งข้อมูลในอินเตอร์เน็ต โดยจะเป็นตัวกลางในการขนถ่ายข้อมูล การทำงานของ TCP/IP จะแบ่งข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ออกเป็นขนาดย่อยที่เรียกกันว่า"แพ็กเก็ต" แล้วค่อย ๆ แยกกันไปจนถึงปลายทางจึงมีการรวมแพ็กเก็ตย่อย ๆ นั้นเป็นข้อมูลอีกครั้งหนึ่ง
ที่มา Internet sharing สำหรับระบบ lan ในองค์การ : สมเกียรติ รุ่งเรืองลดา
11. (5 คะแนน)
จงอธิบายความหมายของคำและคำย่อดังต่อไปนี้
ก) URL: : Uniform Resource Locator Universal Resource Locator หมายถึง ชื่อหรือ path ที่อ้างในอินเตอร์เน็ตพจนานุกรมคอมพิวเตอร์ได้ให้ความหมาย URLs ไว้ว่า URLs re the Internet equivalent of addresses . How do they work? Like other types of addresses, they move from the general to the specific (from zip code to recipient, so to speak). Take this URL, for example: http://www.cnet.com/Resources/index.html
ข) Domain Name : คือการใช้อักษรแสดงแทน IP ADDRESS ของเครื่องคอมพิวเตอร์ในเครือข่าย เพื่อสะดวกแก่การจดจำ โดยมีการวางมาตรฐานของระบบโดเมนเนม "Domain Name System" ไว้สำหรับเป็นกฏเกณฑ์ในการกำหนดชื่อย่อต่าง ๆ ของโดเมนเนม โดยมีสกุลเรียกที่ต่างกันเช่น .com,.net,org,gov. เป็นต้น เพื่อสะดวกต่อการจดจำ.
ค) HTML : Hypertext Markup Language เป็นภาษาเฉพาะทางคอมพิวเตอร์ที่ใช้สำหรับการสร้างเว็บไซด์ สามารถแสดงผลออกมาเป็นภาพ เสียง ได้เป็นอย่างดี
ง) HTTP: Hypertext Transfer Protocol เป็นโพโตคอลที่เกี่ยวกับการจัดการเครือข่าย ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสาร และรับส่งข้อมูล ภายใต้ระบบเว็บซึ่งคือ ไฮเปอร์เท็ก หรือ เว็บเพจ นั่นเอง โดยรูปแบบจะเป็นแบบ "Connection Oriented" และการทำงานพื้นฐานจะมีรูปแบบเป็นลักษณะแบบ "Transaction Oriented" คือ จะอาศัยหลักการง่าย ๆ ของ ไคลเอ็นต์-เซิร์ฟเวอร์ (Client-Server) ในการร้องขอบริการ ซึ่งข้อมูลต่าง ๆ ที่เป็นส่วนประกอบของ โฮมเพจที่ร้องขอบริการ เช่น ภาพ, เสียง หรืออื่น ๆ จะมีการเปิดการติดต่อใหม่ เป็นอิสระแก่กัน ซึ่งจะขออธิบายจากตัวอย่างภาพต่อไปนี้ เพื่อให้ง่ายในการทำความเข้าใจ
ช) Home Page : ส่วนที่เป็นหน้าแรกของเว๊บไซด์ หรือหน้าที่เปิดมาพบเป็นหน้าแรก

ที่มา คัมภีร์สร้าง Web page ฉบับสมบูรณ์ มณีโชติ สมานไทย

12. (5 คะแนน)
Bluetooth คืออะไร และ จงอธิบายการทำงานแบบ Adhoc Network ของ Bluetooth โดยละเอียดที่สุด
bluetooth คำ ๆ นี้มาจากคำว่า Blatand ในภาษาเดนส์ แปลว่า บุรุษผู้ยิ่งใหญ่ผู้มีผิวสีเข้ม The Great Man Who is Dark-skinned
ไม่เพียงแต่กลายเป็นตำนานของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของชาวเดนมาร์ก หากชื่อนี้ยังได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้นักวิจัยกลุ่มหนึ่ง นำมาใช้เป็นชื่อของเทคโนโลยีไร้สายชนิดใหม่ในนามบลูธูท (Bluetooth) ซึ่งมุ่งหมายที่จะรวบรวมอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชนิดต่าง ๆ รวมทั้งโทรศัพท์มือถือให้เชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกัน
โดยหลักการแล้ว บลูธูท คือ เทคโนโลยีการสื่อสารแบบไร้สาย ซึ่งช่วยทำให้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก เช่น PDA (Personal Digital Assistant) โทรศัพท์มือถือ รวมทั้งคอมพิวเตอร์ Palmtop สามารถสื่อสารระหว่างกัน และติดต่อกับระบบ Internet ได้ด้วย
หลักการนี้ยังได้ถูกนำไปใช้กับคอมพิวเตอร์ชนิดตั้งโต๊ะ (Desktop Computer) เพื่อให้สามารถรับส่งข้อมูลกับเครื่อง Printer และ Scanner ระยะใกล้ ๆ ได้ด้วย ทั้งนี้เพื่อให้สะดวกในการใช้งานและแก้ปัญหาเรื่องสายเคเบิลสำหรับเชื่อมโยงทั้งหมดนี้ ทำโดยการฝังไมโครชิพขนาดจิ๋วเข้าไปในอุปกรณ์ดิจิตอลชนิดต่าง ๆ หรือเป็นการ์ดเสียบเพิ่มเติมในกรณีที่เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ ซึ่งโมโครชิพนี้จะทำงานร่วมกับเครื่องรับส่งคลื่นวิทยุที่ฝังอยู่ภายในอุปกรณ์เช่นกัน
Bluetooth กำลังจะกลายเป็นมาตรฐานสากลสำหรับเครือข่ายไร้สายชนิดใหม่ที่เรียกว่า Personal Area Network หรือ PAN ซึ่งไม่เพียงแต่จะใช้ติดต่อระหว่างอุปกรณ์แบบไร้สายด้วยกันเท่านั้น แต่ยังสามารถทำงานร่วมกับระบบ LAN (Local Area Network) และ WAN (Wide Area Network) เช่น เครือข่ายโทรศัพท์ เครือข่าย ISDN ที่มีอยู่เดิมได้ด้วยโดยหลักการแล้ว บลูธูท คือ เทคโนโลยีการสื่อสารแบบไร้สาย ซึ่งช่วยทำให้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก เช่น PDA (Personal Digital Assistant) โทรศัพท์มือถือ รวมทั้งคอมพิวเตอร์ Palmtop สามารถสื่อสารระหว่างกัน และติดต่อกับระบบ Internet ได้ด้วย
การเชื่อมต่อดังกล่าว ทำโดยติดต่อผ่านอุปกรณ์เชื่อมต่อที่เรียกว่า Access Point หรือ Access Device ที่ติดตั้ง Bluetooth Chip เอาไว้คาดการณ์ในทางทฤษฎีเอาไว้ว่า Access Point แต่ละตัวจะสามารถรองรับอุปกรณ์ Bluetooth ได้ไม่ต่ำกว่า 0 ตัวในเวลาเดียวกัน
ผู้ที่คิดค้นเทคโนโลยีนี้ ในระยะเริ่มต้น คือเมื่อ 2 ปีที่แล้วประกอบด้วย Ericsson Intel Nokia IBM และ Toshiba ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้นำในแต่ละสาขาของวงการ IT จนกระทั่งขณะนี้มีผู้สนับสนุนหลักเพิ่มอีก 4 ราย คือ 3Com Lucent Motorola และ Microsoft รวมแล้วเป็น 9 บริษัททั้งหมดร่วมกันพัฒนา มาตรฐานในส่วนของข้อกำหนดทางเทคนิคต่าง ๆ โดยเรียกว่า Bluetooth 1.0 Specification เสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่คาดว่าจะทดสอบและแก้ไขทุกอย่างให้ลงตัวแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ การทำมาตรฐานให้ชัดเจนเช่นนี้จะทำให้เทคโนโลยี Bluetooth มีราคาที่ถูกลงอย่างมากเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบัน
สำหรับบริษัทที่สนใจจะเข้าร่วมผลิตอุปกรณ์ทั้งฮารด์แวร์และซอฟแวรต์ ภายใต้เทคโนโลยี Bluetooth ได้รวมตัวกันเป็นกลุ่มเรียกว่า Bluetooth Special Internet Group (SIG) ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกทั้งสิ้นมากกว่า 1,800 รายแล้ว และยังอยู่ในธุรกิจที่หลากหลายนับตั้งแต่ บริษัททางด้าน IT เช่น ผู้ผลิต Processor chip และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์อุปกรณ์สื่อสารและโทรคมนาคม ผู้พัฒนาฟอฟต์แวร์ กระทั่งผู้ผลิตกล้องถ่ายรูปเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน รวมทั้งผู้ผลิตรถยนต์ (บริษัทใดสนใจจะสมัครเข้าเป็นสมาชิก แวะไปดูได้ที่ www. Bluetooth.com ปัจจุบันไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น)
ข้อมูลเหล่านี้ทำให้เห็นว่า Bluetooth มีอนาคตที่ค่อนข้างสดใสทีเดียว โดยเฉพาะเมื่อมีการคาดการณ์ว่าภายในอีก 2 ปีข้างหน้า จำนวนโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ขนาดเล็กจะมีจำนวนประมาณ 0 ล้านเครื่อง และภายในปี 05 จะมีอยู่ราว 900 ล้านเครื่อง (ข้อมูลจาก Gartners Dataquest) ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าหากไม่ถูกวิกฤติการณ์น้ำมันเล่นงาน จนเกิดเป็นวิกฤติเศรษฐกิจโลกอีกครั้งหนึ่ง!?
ยกตัวอย่างง่าย ๆ กับโทรศัพท์มือถือ (Mobile Phone) ที่ใช้เทคโนโลยี Bluetooth จะมีความสามารถรอบตัวมากขึ้น เช่น สามารถใช้เป็นเครื่อง Intercom เวลาที่อยู่ในสำนักงานหรือที่บ้านหรืออยู่ใกล้กับโทรศัพท์มือถือเครื่องอื่น คล้าย ๆ เครื่อง Walkie-Talkie ซึ่งไม่ต้องเสียค่าบริการใด ๆ หรืออาจใช้เป็นโทรศัพท์แบบไร้สาย (Portable Phone) เวลาอยู่บ้าน การโทรออกก็ทำโดยผ่าสายโทรศัพท์บ้านซึ่งค่าบริการถูกกว่าโทรศัพท์มือถือ เรียกได้ว่าเป็น Three-I-One Phone เลยทีเดียว และในทุก ๆ กรณีจะสามารถเชื่อมต่อกับระบบอินเตอร์เน็ตได้โดยอัตโนมัติ (Instant Internet) เพื่อรับส่งเมล์หรือท่องเว็บได้ตลอดเวลาเครื่องไม้เครื่องมือและอุปกรณ์ในสำนักงาน เช่น คอมพิวเตอร์ พริ้นเตอร์ สแกนเนอร์ แฟกว์ ตลอดจนคีย์บอร์ดและเมาท์ ก็จะไม่มีสายเชื่อมต่อให้เกะกะและมักสร้างปัญหาเสมอ ๆ เวลาที่ต้องมีการเคลื่อนย้ายตัวอย่างที่ดีอีกตัวอย่างหนึ่ง ที่จะสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถอย่างรอบด้านของเทคโนโลยี Bluetooth ก็คือ กล้องถ่ายรูปหรือกล้องถ่ายวิดีโอระบบดิจิตอลที่สามารถส่งภาพโปสการ์ด (Instant Postcard) หรือภาพวิดีโอเคลื่อนไหวต่าง ๆ จากกล้องในมือของคุณ ผ่านไปยังโทรศัพท์มือถือเข้าสู่เครือข่ายอินเตอร์เน็ต และส่งไปให้ใครก็ได้บนโลกดิจิตอลใบนี้ที่ออกจะเกินไปหน่อย แต่ดูล้ำสมัยเป็นโลกอนาคตดี ก็คือเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านไม่ว่าจะเป็น ตู้เย็น เตาอบไมโครเวฟ เครื่องซักผ้า รวมทั้งเตาต้มกาแฟที่ใช้ Bluetooth Technology ซึ่งจะสามารถทำงานต่าง ๆ เช่น ดาว์นโหลดสูตรทำอาหาร หรือรับคำสั่งต่าง ๆ ผ่านโทรศัพท์มือถือได้ ไม่วาเจ้าของบ้านจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
จากความคาดหวังและการร่วมไม้ร่วมมือของบริษัทต่าง ๆ ในวงการคอมพิวเตอร์และวงการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง คงทำให้เทคโนโลยีนี้ถูกพัฒนาต่อไปเรื่อย ๆ และกลายเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ อย่างเป็นรูปธรรมในไม่ช้า แต่ทุกอย่างในโลกคงไม่มีอะไรแน่นอน
ข้อมูลจาก นิตยสาร Make Money http:\\ www.kapook.com
13. ISP และ ASP คืออะไร จงอธิบายโดยละเอียดที่สุด และย่อมาจากคำเต็มว่าอะไร
ISP ย่อมาจาก Internet service ISP : Internet Service Provider Once upon a time, you could only connect to the Internet if you belonged to a major university or had a note from the Pentagon. Not anymore: ISPs have arrived to act as your (ideally) user-friendly front end to all that the Internet offers. Most ISPs have a network of servers (mail, news, Web, and the like), routers, and modems attached to a permanent, high-speed Internet "backbone" connection. Subscribers can then dial into the local network to gain Internet access--without having to maintain servers, file for domain names, or learn Unix.
หรือหมายถึง ผู้ที่ใช้บริการเชื่อมต่อทางอินเตอร์เน็ตในเชิงพาณิชย์ โดยจะมีการเรียกเก็บค่าใช้บริการเป็นชั่วโมง ตัวอย่างเช่น Anet ,Csinternet เป็นต้น
ASP: ย่อมาจาก (Active Server Pages) เป็นเทคโนโลยีของไมโครซอฟท์ที่นำเอาภาษาสคริปต์อย่าง VBScript มาสร้างแอพพลิเคชั่นที่ทำงานบนฝั่งเซิร์ฟเวอร์ จะมีไฟล์เป็นนามสกุล asp เชิร์ฟเวอร์สามารถปะมวลผลได้ทันทีโดยไม่ต้องแปลงค่าใด ๆ

ที่มา http://www.comsaving.com/glossary คัมภีร์สร้าง Web page ฉบับสมบูรณ์ มณีโชติ สมานไทย
14. จงอธิบายความหมายของ Batch Processing และ On-line Processing รวมทั้งชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างของ Process ทั้งสอง
ตอบ Batch Processing หมายถึงการดำเนินกรรมวิธีแบบเป็นกลุ่ม เป็นชุด บางคนเรียกว่า Serial หรือ Sequential Processing การดำเนินกรรมวิธีแบบ Batch มีลักษณะสำคัญดังนี้
ต้องนำข้อมูลมาจัดเป็นกลุ่มให้เรียบร้อยเสียก่อนที่จะนำมาประมวลผล
ข้อมูลเหล่านี้ต้องนำมาจัดเรียงลำดับเสียก่อนแล้วจึงจะนำมาประมวลผล การเรียงลำดับนี้มักเป็นการเรียงจากจำนวนน้อยไปหาจำนวนมาก และถือตามลักษณะการเรียงลำดับที่มีอยู่เดิมในแฟ้ม
ระบบ Online processing มีความหมายคือ เป็นเรื่องของอุปกรณ์ภายในคอมพิวเตอร์ที่ใช้ Online อยู่ภายใต้การควบคุมของคอมพิวเตอร์เช่น Disk, Tape หรือแม้แต่ Printer จะอยู่ภายใต้การควบคุมของซีพียู (หน่วยประมวลผลกลาง) โดยตรง อุปกรณ์รับและส่งข้อมูลทั้งหมดก็สามารถติดต่อกับซีพียูได้โดยตรงเช่นกัน โดยไม่ต้องมีใครช่วย นัยที่ 2 คือ คน ได้แก่ คนที่อยู่ในระบบ Online เช่นเดียวกับอุปกรณ์ในนัยแรก คนเหล่านี้สามารถติดต่อกับซีพียูได้โดยตรงโดยไม่ต้องใช้สื่อใด ๆ ช่วย

15. จงอธิบายหน้าที่ของ Modem และอธิบายด้วยว่าทำไมต้องเชื่อมต่อ Modem เข้ากับคอมพิวเตอร์เมื่อต้องการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ เข้ากับระบบ Internet
โมเด็ม (Modems)
เป็นอุปกรณ์สำหรับคอมพิวเตอร์อย่างหนึ่งที่ช่วยให้คุณสัมผัสกับโลกภายนอกได้อย่างง่ายดาย โมเด็มเป็นเสมือนโทรศัพท์สำหรับคอมพิวเตอร์ที่จะช่วยให้ระบบคอมพิวเตอร์ของคุณสามารถสื่อสารกับคอมพิวเตอร์อื่นๆ ได้ทั่วโลก โมเด็มจะสามารถทำงานสำเร็จได้ก็ด้วยการเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์ของคุณเข้าคู่สายของโทรศัพท์ธรรมดาคู่หนึ่งซึ่งโมเด็มจะทำการแปลงสัญญาณดิจิตอล (digital signals) จากเครื่องคอมพิวเตอร์ให้เป็นสัญญาณอนาล็อก (analog signals) เพื่อให้สามารถส่งไปบนคู่สายโทรศัพท์

ที่มา www.wutt.com

(ทักทายกันก่อน) (เกี่ยวกับผมเอง) (เพื่อนบ้านผม) (เรื่องน่าสนใจ) (ติดต่อผมได้) (ข้อสอบ Final)